วันแม่ปีนี้ไปหาแม่ล่วงหน้า อยู่ให้ลูกๆนัดกินข้าวล่วงหน้า พอวันที่ 12 ก็ไปปฏิบัติธรรมที่วัดพระบาทตะเมาะ จนถึงวันที่ 15 ได้อยู่กับตัวเอง ให้เวลาตัวเองเต็มที่ เตรียมเสบียงบุญ เผื่อตายวันนี้พรุ่งนี้จะได้ไม่เสียใจว่า ทำไม่ทัน ออกจาก รพ.จุดนัดพบเวลา 10 โมงกว่า ตอนแรกคิดว่าไปกันหลายคน แต่ปรากฎว่า มีไปจริง7 คน พี่เจี๊ยบเอารถไปส่ง ขออนุโมทนาบุญ ไปถึงวัดก็เกือบเที่ยงแล้วพี่เจี๊ยบอีกนั่นแหละที่เตรียมข้าวปลาอาหารให้กินกันอิ่มหนำสำราญ รอพี่รัตน์กับสามีมารับศีลแปดก่อนเข้าที่พัก เรานอนกับอาจารย์ บ่ายแก่ๆ น้องนายตามมาอยู่ด้วย ตอนแรกว่าจะนอนห้องข้างล่าง พอถึงเวลาเข้าจริงขนกระเป๋ามาขอนอนด้วย เลยได้นอนกับอ.อำไพ เรานอนอีกห้องหนึ่งคนเดียว ค่ำไปทำวัตรเย็น นั่งสมาธิ กลับที่พักเกือบสามทุ่ม นั่งสมาธิต่ออีกหนึ่งชั่วโมง
เช้าตีสามกว่า ตื่นมาทำวัตรเช้า นั่งสมาธิ เดินจงกรม คราวนี้ดีหน่อยที่ไม่ได้ออกไปเดินข้างล่างเหมือนคราวที่แล้ว เพราะทั้งโดนยุงกัด มดกัด ต้องระวังไส้เดือนอีก สายหน่อยกินข้าวแล้วก็พักก่อนไปปฏิบัติอีกตอน 10 โมงกับพระอาจารย์ญี่ปุ่น 11 โมง ลงมากินข้าวกัน แต่เรากินมื้อเดียวเลยนั่งเป็นเพื่อนกับหลายๆคน อ.อำไพกับน้องนายกลับบ้านวันนี้ เราต้องอยู่คนเดียวในบ้านทั้งหลัง 555+ครองความยิ่งใหญ่เพียงผู้เดียว แต่เสียวสันหลังจังว่ะ บ่ายไปปฏิบัติอีกจนถึงสามโมง กลับเข้าที่พักห้องโล่งเลย สองคนนั่นไปแล้ว... เลยเดินจงกรมต่ออีก ก่อนไปอาบน้ำ
6 โมงครึ่งไปทำวัตรเย็น ปฏิบัติต่อตามปกติ และแล้ว..ก็ได้เวลาอยู่กับตัวเอง คนเดียวจริงๆ ..ได้กลิ่นเหม็นอะไรโชยมา เลยสวดมนตร์ แผ่เมตตาบอกไปว่าต่างคนต่างอยู่นะจ๊ะ มาปฏิบัติธรรม มาอนุโมทนาบุญได้ภพภูมิที่ดีขึ้นก็อย่ามากวนกัน ข้าเจ้ากลัวนะ แล้วเอา MP3เสียบหูฟังธรรมะนอน ว่าจะเปิดไฟนอน ซักพักได้ยินเสียงกุกกักที่หน้าต่าง ลืมตาดูปรากฎว่าตุ๊กแกตัวเบิ้อเริ่ม ตาโตสะท้อนแสงไฟสีแดงแจ๋ ไอ๊ย่า ! เลยบอกว่าไปกินแมงที่อื่นนะ เดี๋ยวเปิดไฟข้างบ้านให้ไปกินแมงที่โน่นไป แล้วเลยต้องปิดไฟนอน ข่มใจหลับปลอบตัวเองว่า พรุ่งนี้พี่เจี๊ยบก็จะมาอยู่เป็นเพื่อนละ หลับๆตื่นๆจนกระทั่งได้เวลาไปทำวัตร
วันนี้พระอาจารย์จะพาทัวร์ป่า แต่เราเคยไปแล้วขออยู่ปฏิบัติที่วัด เพราะตอนเช้าวันนี้ตอนเรานั่งสมาธิเห็นดวงแก้วเป็นสีๆ เห็นลักษณะเหมือนโครงกระดูกเล็กๆในดวงแก้วใสด้วย ถามพระอาจารย์ก็ว่า ลักษณะนี้เหมือนเราจิตนิ่งขึ้นแล้ว เลยมีกิเลสอยากปฏิบัติต่อให้จิตนิ่งยิ่งขึ้น บ่ายไปนั่งสมาธิคนเดียวในมณฑป ก็เห็นดวงแก้วแล้วก็เหมือนแว่นขยายส่องไปที่ปอดกับกระเพาะอาหาร ในใจรู้ว่ามีพังผืดแล้วร่างกายกำลังซ่อมแซมตัวเอง ก็ไม่รู้ทำไมเห็นอะไรอย่างนั้น ไม่ได้คิดนึกด้วย เออ เอาวะ จะทำอะไรก็ทำไป แล้วดวงแก้วนั้นก็หายไป รู้สึกเหมือนเข้าภวังค์แต่ไม่ลึก ยังได้ยินเสียงรอบข้างอยู่แต่ไม่ได้สนใจ นั่งภาวนาดูลมหายใจต่อจนเวทนาแก่ขึ้นตามลำดับเลยออกจากสมาธิ รู้สึกโปร่งโล่งขึ้น ลงจากมณฑปซักพักคณะทัวร์ป่าก็กลับมา พี่เจี๊ยบมาถึงพร้อมสามี แล้วก็ แป่วว! เราต้องอยู่บ้านนั้นคนเดียวอีกละคืนนี้ เหอะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
เย็น ทำวัตรเย็นแล้วปฏิบัติต่อจนถึงเวลากลับที่พัก วันนี้บอกบุญรอด หมาสามขา(amputateไปหนึ่งขา) ว่า "ไปเฝ้าหน้าบ้านให้หน่อยนะ แม่อยู่คนเดียวง่ะ" มันก็ไปจริงๆ นอนเฝ้าหน้าบันไดบ้าน เลยอุ่นใจ หลับสนิทตลอดคืนเลย ขอบใจนะบุญรอด
วันนี้กลับบ้านแล้ว รู้สึกโปร่งขึ้นมาบ้าง ถึงบ้านจะปฏิบัติต่อได้แค่ไหนนี่ มีแต่สิ่งกระทบ สิ่งเร้า แต่ก็ค่อยทำไปละกันนะ อย่างน้อยก็ได้เริ่มแล้ว
ขออำนาจบุญกุศลที่ได้ทำมาแล้วนี้จงเป็นพลวปัจจัยเป็นนิสัยตามส่งให้เกิดปัญญาญาณต่อไปด้วยเทอญ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น