วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

กำลังใจ

จะเป็นกำลังใจให้

กำลังใจ...พลังใจ....

ไม่ว่าเราเจอวิกฤตอะไรในชีวิต ขอให้เรามี พลังใจที่ดีอยู่เสมอ ความรู้และความสามารถของเราจะไม่มีความหมาย ถ้าเราไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร หรือถ้าถึงขนาดท้อแท้สิ้นหวัง ยิ่งทำอะไรไม่ได้ใหญ่เลย

กำลังใจ...พลังใจ...

หาได้เสมอจากคนใกล้ตัว...
แม่ที่รักเรามากอย่างที่สุด รักโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน...
ครอบครัวที่อยู่เคียงข้าง...หากเราเอ่ยปาก ก็พร้อมที่จะให้ หรือเพียงแต่มองตา...
เพื่อนร่วมงานที่อยู่ด้วยกันเสมอมา

แม้กระทั่งหมา..แมว..ที่พูดไม่ได้ แต่พร้อมซึมซับความท้อแท้ของเรา
และเป็นกำลังใจให้

แค่นี้...ก็สามารถลุกขึ้นสู้ต่อไป



วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ทบทวนตัวเองอีกครั้ง



ตื่นนอนวันนี้รู้สึกมีนิวรณ์+ อาลัยอาวรณ์ที่นอนนุ่มๆ อุ่นๆ อากาศกำลังดี ว่าจะลุกนั่งสมาธิเลยเหลวอีกละ แย่จริง นิสัยอันนี้แก้ยากพอดู ว่าจะลองดูวิชาใหม่ที่ได้มาซะหน่อย สงสารคนสอน อุตส่าห์มาสอนให้ แต่ลูกศิษย์ก็ท่าจะ "ปึกหลึกหลืน" 55+ ทำอย่างไรถึงจะแก้นิสัยอันนี้ได้น้า งืดแต๊ๆ

ทุกวันนี้ถามตัวเองว่า มีชีวิตอยู่ทำไม ก็ได้คำตอบว่า จะสร้างบารมีเพื่อตัวเองจะหลุดพ้นกับเขามั่ง แต่คงอีกหลายภพหลายชาติ ที่ทำอยู่นี่ก็พยายามทำเท่าที่จะทำได้ ไม่หวังลาภ ยศ สรรเสริญ เพราะงั้นที่ไปสวดกับเขาก็เพื่อรับพลังบุญจากผู้ที่สามารถแผ่ให้ได้ และหวังที่จะแผ่ไปให้ผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากมั่ง ไม่ได้สวดเพื่อขออะไร เพราะที่เป็นอยู่เวลานี้ก็ไม่ได้ทุกข์ร้อนอันใด ที่เรียนกับอาจารย์นี่ก็เพื่อจะเรียนรู้วิธีปฏิบัติ ไม่ได้อยากเห็นอะไร หรืออยากได้อำนาจวิเศษอะไร ดังนั้นนี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราไม่ได้มุ่งมั่นจริงจัง

แต่อย่างน้อยทุกวันนี้ก็พยายามทำตัวไม่ให้มีเวรกรรมอะไรมากที่จะติดตัวเป็นวิบากกรรม มีสติที่จะดึงรั้งตัวเองจากความชั่ว พยายามไม่พูดมาก เพราะหลวงปู่ทวดสอนว่า พูดมากเสียมาก พูดน้อยเสียน้อย ไม่พูดไม่เสีย นิ่งเสียโพธิสัตว์ แต่ไม่พูดก็ไม่ได้ เอาเป็นว่าพูดปานกลางละกันนะ จะได้เสียปานกลาง อิอิ ขอกัลยาณมิตรช่วยเตือนหน่อยเน้อ เวลาพูดมาก


ขอบคุณที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์

วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

วันวานยังหวานอยู่

ฮะแอ้ม! วานนี้วาเลนไทน์ ปกติได้ช็อคโกแล็ตเพราะชอบกิน
ไปอบรมESB ที่ดอยอินทนนท์มา ตั้งแต่วันที่ 13
ถึงบ้านวันที่ 14 ก็เพลียจัด อาบน้ำกินข้าวแล้วนอน
สามีไปร้าน เจอหน้าก็เฉยๆ ไม่เห็นว่าไง
ข้าเจ้าเองก็ไม่มีอะไรให้อิท่านเล้ย
ก็ไม่คิดว่าจะได้อะไร ก็คิดว่าทุกวันก็เหมือนกันน่ะแหละ
สามีกลับมาเมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้อีก(มีใครเหมือนข้าเจ้าบ้างนี่)

ถะ ถะ แท้น ลืมตาตื่นเช้านี้ พบดอกกุหลาบสีแดงดอกบะเริ่ม
เสียบขวดน้ำบนหัวเตียง 555+
เออ... โรแมนติคแบบเงียบๆนะเนี่ย

ขอบคุณค่

เธอจะอยู่กับฉันตลอดไป ไม่ว่าอีกนานแสนนาน นานเท่าไรไม่ลืมเลือน
ความทรงจำคอยย้ำและช่วยเตือน เราต่างผูกพันด้วยรักตลอดไป ฮึมมมม


..................................................

วันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ให้เวลาผู้ป่วยกับตัวเอง

วันนี้ออกหน่วยคลินิคเบาหวานเคลื่อนที่ที่ ม. 8 วัดกอประจำโฮง ทีมพร้อม ขอบคุณลูกทีมที่เตรียมการอย่างเต็มที่ตั้งแต่วานนี้ ไม่ว่าพี่น้อย เค ที่เตรียมนับยาใส่ซองให้ผู้ป่วยไว้ล่วงหน้า ต้อยที่ตรวจเช๊คการสั่งยาให้ ไปถึงที่หมายเจ็ดโมงกว่า ก่อนไปถึงก็มีเหตุการณ์ระทึกขวัญเพราะรถที่บรรทุกคน เวชภัณฑ์ เหยียบครัชท์ไม่ติด จอดมันกลางถนนก่อนข้ามทางรถไฟ ร้อนถึงเคต้องมาเปลี่ยนขับกับพี่น้อย ข้ามถนนซุปเปอร์ไปอีก ลุ้นไปจนถึงที่ โชคดีที่เคเคยขับรถส่งของมาก่อนเลยประคองรถไปได้
ถึงวัดผู้ป่วยก็พร้อมแล้ว แต่ อสม.มาแค่สองคน วุ่นวายกันพอสมควร คนโน้นพูดที คนนี้พูดที ลัดคิวกันบ้าง แต่เจ้าหน้าที่ทุกคนไม่มีใครมู้ดดี้เลย ค่อยทำไปจนเสร็จการคัดกรองเบื้องต้น ข้าวต้มก็มา ทั้งผู้ป่วยทั้งเจ้าหน้าที่ต่างพากันโซ้ยข้าวต้มคนละถ้วยสองถ้วย แล้วถึงมานั่งรอตรวจ





วันนี้เปิดซีดีคลายเครียดของสวนปรุง เริ่มจากการผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่หน้าผาก ดวงตา ดูลมหายใจ ผ่อนคลายลำคอ แขนขา ลำตัว และกลับมานับลมหายใจ สุดท้ายก็ให้กำลังใจตนเองที่เป็นคนดี คนเก่ง และมีความสุข




ผู้ป่วยให้ความร่วมมือดีมาก ทุกคนทำตามเสียงจากซีดี เราเองก็ทำเหมือนกัน เหมือนได้สงบจิตใจก่อนทำงาน อิ่มเอมใจที่เป็นคนดีและจะทำดีขึ้นเรื่อยๆ เป็นคนเก่งที่จะเอาชนะปัญหาอุปสรรค มีความสุขและพร้อมแบ่งปันความสุขแก่ผู้อื่น ผู้ป่วยก็สงบจิตใจก่อนรับการตรวจ หลังทำสอบถามผู้ป่วย ก็มีเสียงตอบรับดี อสม.ที่ทำด้วยบอกว่า รู้สึกผ่อนคลาย โล่ง ในเวลาแค่สิบนาที ทุกคนสงบมากขึ้น ไม่มีคนรีบร้อนที่จะขอยากลับบ้านก่อนเหมือนที่เคยเป็น

ขอบคุณวันที่ดีๆวันนี้ ขอบคุณเพื่อนร่วมงานที่แสนดี ขอบคุณผู้ป่วยที่ทำให้เรามีงานทำ ขอบคุณตัวเองที่ทำสิ่งดีๆให้ตนเองและผู้อื่น

วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ลองดูสักตั้ง...

ได้ฮูลาฮูปมาหลายวันแล้ว วันนี้ได้ฤกษ์เอากลับบ้าน
เสร็จภารกิจประจำวันก็ลองเล่นดูสักที
เปิดเพลงฮูลาฮูปให้เข้าบรรยากาศ
ใหม่ ๆก็ตกลงพื้น หลายๆครั้งเริ่มดี
แกว่งเอวไปมาได้นานพอควร
ปวดแขนนี่สิ ทำไง
ก็เวลาเล่นต้องยกแขนนี่นา
เฮ้อ! เป๋นต๋างืด....
ปวดแขนว้อย ช่วยที

ยกประโยชน์ฮูลาฮูปมาสักหน่อยจะได้มีกำลังใจเล่นต่อ

ประโยชน์และข้อดีของฮูล่าฮูป
1. การเล่นฮูล่าฮูปเป็นการออกกำลังกายในรูปแบบแอโรบิคอย่างหนึ่ง เล่นง่าย เป็นอุปกรณ์ออกกำลังกายที่มีผลกระทบต่อร่างกายน้อย จึงเป็นทางเลือกหนึ่งของการออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับบุคคลทุกเพศทุกวัย
2. การออกกำลังกายด้วยฮูลาฮูปจะช่วยทำให้หน้าท้อง รอบเอว สะโพก แผ่นหลัง กล้ามเนื้อบริเวณขา และเข่า กระชับมากยิ่งขึ้นเนื่องจากไขมันส่วนเกินจะถูกเผาผลาญเพื่อใช้เป็นพลังงานออกไปกว่า 200-300 แคลอรี่ภายใน 20 นาที ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการกำจัดไขมันส่วนเกิน ทำให้น้ำหนักตัวลด และทำให้กล้ามเนื้อดูกระชับมากยิ่งขึ้น
3. การออกกำลังกายด้วยฮูลาฮูปอย่างสม่ำเสมอจะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงให้กับกล้ามเนื้อทั้งลำตัวและความยืดหยุ่นของข้อต่อกระดูกต่างๆซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกมั่นใจกับรูปร่างและท่วงท่าการเดินของคุณ อีกทั้งการออกกำลังกายด้วยห่วงฮูลาฮูปนี้จะทำให้คุณรู้สึกว่าสุขภาพของคุณดีขึ้นอาการเหนื่อยง่าย หรือ อาการปวดเมื่อย จากกิจกรรมต่างๆในชีวิตประจำวันที่เคยมีจะมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยลง
4. การเล่นฮูลาฮูป จะช่วยเพิ่มระดับการไหลเวียนเลือดไปสู่สมอง ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าและพร้อมที่จะทำกิจกรรมต่างๆในชีวิตประจำวันได้ทันที
5. เป็นการออกกำลังกายที่ใช้พื้นที่น้อย สามารถพกพาห่วงไปไหนมาไหนได้ในทุกๆที่ให้ความสนุกสนานเพลิดเพลินกับทุกคนในครอบครัวได้ทุกที่ทุกเวลาและรวมถึงระหว่างกลุ่มเพื่อนๆของคุณที่มาออกกำลังกายร่วมกันอีกด้วย
เคล็ดลับในการเล่น
1. นำห่วงคล้องใส่ที่ลำตัวที่บริเวณบั้นเอวในลักษณะท่ายืน ถือห่วงด้วยมือทั้งสองข้างให้แนบชิดกับแผ่นหลัง
2. ก้าวเท้าข้างหนึ่งข้างใดก็ได้เฉียงออกมาด้านข้างมีความกว้างไม่เกินกว่าความกว้างของหัวไหล่ ให้น้ำหนักตัวอยู่บนเท้าทั้งสองข้าง
3. ใช้มือทั้งสองข้างผลักห่วงไปทางด้านซ้ายหรือขวาตามต้องการ(ขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละคน) พร้อมๆกับการแขม่วหน้าท้อง หรือ เกร็งหน้าท้อง (เหมาะสำหรับผู้ที่มีพุงหรือไม่มีสัดส่วนคอดของเอวอย่างยิ่ง)
4. ใช้เข่าเป็นจุดหมุนโดยเปลี่ยนถ่ายน้ำหนักเท้าสลับไปมาทั้งสองข้างระหว่างการหมุนพยายามรักษาระดับความเร็วของการหมุนห่วงบนลำตัวให้คงที่เพื่อให้ห่วงหมุนอยู่บนลำตัวตลอดโดยไม่หล่นลงข้างล่าง
5. สิ่งสำคัญเพื่อให้การหมุนในครั้งแรกประสบผลสำเร็จซึ่งจะทำให้ห่วงหมุนอยู่บนลำตัวทันทีโดยไม่หล่นคือการหมุนเอวอย่างเต็มที่หลังจากการผลักห่วงออกไปและการแขม่วหรือเกร็งหน้าท้องขณะหมุน
6. ระยะเวลาที่แนะนำสำหรับบุคคลทั่วไปคือไม่ควรเล่นติดกันนานเกิน 20 นาทีในหนึ่งครั้งโดยคุณอาจเล่นอีกได้ 2-3 ครั้งในหนึ่งวัน เช่นนี้เพื่อป้องกันการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อเนื่องจากการทำงานหนัก
7. หลังจากการเล่นห่วงออกกำลังกายไม่ควรรับประทานอาหารทันทีภายใน 1-11/2 ชั่วโมง เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายต้องการปรับตัวเพื่อเข้าสู่สภาวะสมดุล และเพื่อมิให้ปริมาณพลังงานที่ถูกเผาผลาญไปกลับคืนมาอีก
8. เพื่อให้ความพยายามในการลดน้ำหนักเห็นผลได้ในเวลาอันรวดเร็ว ควรมีการคำนึงถึงปริมาณและความสมดุลของอาหารที่รับประทานด้วย

วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

Tips ในการพัฒนาสมอง


Tips ในการพัฒนาสมอง


1. จิบน้ำบ่อย ๆ
สมองประกอบด้วยน้ำ 85 % เชลล์สมองก็เหมือนต้นไม้ที่ต้องการน้ำหล่อเลี้ยง ถ้าไม่มีน้ำ ต้นไม้ก็เหี่ยว ถ้าไม่อยากให้เชลล์สมองเหี่ยวซึ่งส่งผลให้การส่งข้อมูลช้า กลายเป็นคนคิดช้าหรือคิดไม่ค่อยออก แต่ละวันจึงควรดื่มน้ำบ่อย ๆ

2. กินไขมันดี
คนไม่ค่อยรู้ว่าสมองคือก้อนไขมัน ซึ่งจำเป็นต้องมีไขมันดีไปทดแทนส่วนที่สึกหรอ แนะนำให้กินไขมันดีระหว่างวัน จำพวกน้ำมันปลา สารสกัดใบแปะก๊วย ปลาที่มีไขมันดีอย่าง ปลาแซลมอน นมถั่วเหลือง วิตามินรวม น้ำมันพริมโรสเป็นน้ำมันดี ที่ทำให้เชลล์ชุ่มน้ำ ส่วนวิตามินซีกินแล้วสดชื่น

3. นั่งสมาธิวันละ 12 นาที
หลังจากตื่นนอนแล้ว ให้ตั้งสติและนั่งสมาธิทุกเช้า วันละ 12 นาที เพื่อให้สมองเข้าสู่ช่วงที่มีคลื่น Theta ซึ่งเป็นคลื่นที่ผ่อนคลายสุด ๆ ทำให้สมองมี Mental Imagery สามารถจินตนาการเห็นภาพและมีความคิดสร้างสรรค์ (ถ้าทำไม่ได้ตอนเช้า ) ให้หัดทำก่อนนอนทุกวัน

4. ใส่ความตั้งใจ
การตั้งใจในสิ่งใดก็ตาม เหมือนการโปรแกรมสมองว่านี่คือสิ่งที่ต้องเกิดระหว่างวันสมองจะปรับพฤติกรรม เราให้ไปสู่เป้าหมายนั้นทำให้ประสบความสำเร็จในสิ่งต่าง ๆ เพราะสมองไม่แยกระหว่างสิ่งที่ทำจริงกับสิ่งที่คิดขึ้นทั้งสองอย่างจึงเป็น เสมือนสิ่งเดียวกัน

5. หัว เราะและยิ้มบ่อย ๆ
ทุกครั้งที่ยิ้มหรือหัวเราะ จะมีสารเอ็นโดรฟิน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข หลั่งออกมาเท่ากับเป็นการกระตุ้นให้มีความอยากรักและหวังดีต่อคนอื่นไป เรื่อยๆ

6. เรียนรู้สิ่งใหม่ทุกวัน
สิ่งใหม่ในที่นี้หมายถึง สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น กินอาหารร้านใหม่ ๆ รู้จักเพื่อนใหม่ อ่านหนังสือเล่มใหม่
คุยกับเพื่อนร่วมงานและเรียนรู้วิธีการทำงานของเขา เป็นต้น เพราะการเรียนรู้สิ่งใหม่ทำให้สมองหลั่งสารเอ็นโดรฟิน และโดปามีนซึ่งเป็นสารแห่งการเรียนรู้ กระตุ้นให้อยากเรียนรู้และสร้างสรรค์ ไปเรื่อย ๆ เมื่อมีความสุขก็ทำให้มีความคิดสร้างสรรค์

7. ให้อภัยตัวเองทุกวัน
ขณะที่การไม่ให้อภัยตัวเอง โกรธคนอื่น โกรธตัวเอง ทำให้เปลืองพลังงานสมอง การให้อภัยตัวเอง เป็นการลดภาระของสมอง

8. เขียนบันทึก Graceful Journal
ฝึกเขียนขอบคุณสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นแต่ละวันลงในสมุดบันทึก เช่น ขอบคุณที่มีครอบครัวที่ดี ขอบคุณที่มีสุขภาพที่ดี
ขอบคุณที่มีอาชีพที่ทำให้มีความสุข เป็นต้น เพราะการเขียนเรื่องดี ๆ ทำให้สมองคิดเชิงบวก

ขอขอบคุณ เคล็ดลับดีๆ จาก วนิษา เรซ หรือ หนูดี

และ http://blog.keentranslation.com/ ที่คัดลอกมาค่ะ จะเก็บไว้เตือนตัวเองให้สมองดีมั่ง

รู้สึก ง..ง..ยังไรก็มะรุ อิอิ

วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ถุงเงินอีกแว้ววว


นินทาแมวดีกว่า.....
ถุงเงินพุงย้อย กินเก่งมั่กๆ กิจวัตรประจำวันชีนะ เอาตั้งแต่แม่มานเข้าบ้าน
ชีก็จะวิ่งมารับหน้าพร้อมกับร้อง"แม่ง่าว ๆ" (ประมาณว่า ม้าวๆ แต่แม่มานได้ยินว่ามานร้อง แม่ง่าว ๆ)
เหมือนกับต่อว่าแม่มานว่า โง่จังไม่เทข้าวให้เร็วๆ แม่มานก็ต้องรีบเข้าบ้านพร้อมกับเทข้าวให้
ไม่งั้นชีก็จะกัดขา เดินไม่สะดวก กินเสร็จก็จะนอนผึ่งพุง
ระหว่างนั้นแม่มานก็ทำงานบ้าน ไม่ก็หาข้าวกินมั่ง พอแม่กินเสร็จหันมาจะเล่นกะชีมั่ง
โน่นเปิดประตูแมวออกไปนอกบ้านแล้ว(ประตูแมวสั่งต่างหากเด้งได้ ไม่งั้นได้ปิดประตูให้เจ้าหล่อนทั้งวัน)
แม่อาบน้ำเสร็จไหว้พระสวดมนต์ นั่งสมาธิ ชีก็เข้าบ้าน
ถ้ามาเห็นแม่มานนั่งนิ่งๆ ชีก็จะร้อง "แม่ง่าว ๆ" แล้วก็กางเล็บเกาะไหล่
อะจ๊าก! ใครไม่เคยโดนไม่รู้สึกร้อก สติแตกบัดเดี๋ยวนั้น พยายามกัดฟัน ฮึ่ม! พุทโธ ธัมโม สังโฆ โอ๊ะโอ เจ้าถุงเงิ้นนน....

ถึงเวลานอน ชีก็จะนอนสักแป๊บ พอแม่มานเคลิ้มๆ ก็จะตะกายมุ้งลวดจะออกทางหน้าต่าง
แม่มานก็จำต้องเปิดเปลือกตา มาเปิดมุ้งลวดให้ชีลอดทางเหล็กดัดออกหน้าต่างไป
สักครึ่งชั่วโมงชีก็กลับมานอน อย่า..อย่าคิดว่าชีจะนอนถึงรุ่งเช้า
สักตีหนึ่งชีก็จะออกทางประตูไปอีก เปิดมุ้งลวดให้ไม่ยอมออก ต้องเปิดประตูห้องนอนอุ้มชีไปออกประตูหลังบ้าน

คราวนี้ตีสี่ชีก็มาตบมุ้งลวดปังๆอีก เอาเข้ามาบ้านแล้วต้องเปิดวิทยุให้มีเสียงสวดมนต์ ไม่งั้นชีก็จะเอาหมัดแมว(ที่ไม่หุบเล็บ)เขี่ยๆหน้า ประมาณว่า ตื่นๆ สวดมนต์ได้แล้ว แม่จ้าว! ช่างมีธรรมะในหัวใจซะจริง พอแม่มานนั่งสวดมนต์ ชีก็จะขดตัวนอนหลับอย่างมีความสุขอวดแม่มาน ทำให้ต่อมอิจฉากระฉูดได้ พักหลังๆแม่มานก็แกล้งเปิดวิทยุให้ได้ยินเสียงสวดมนต์ พอถุงเงินหลับ แม่มานก็หลับมั่ง อย่างมีความสุข
Happy Ending 55+

วันเวลาที่ผ่านไป

เมื่อวานมีการสัมมนาทางวิชาการเรื่องการวิจัยที่ทำในพื้นที่อำเภอสารภี มีผู้แสดงทัศนะหลายหลาก ที่"เหน็ดสุด" คือ คำพูดของแม่ทองดี โพธิยอง ที่บอกว่า "เงินเป๋นล้าน ยังก๊านก๋ำข้อมูลในมือ"

ท่าจะจริงแฮะ PCU เราได้ลองเปลี่ยนแปลงโปรแกรมที่นำมาใช้กับผู้ป่วยจาก cm_pop มาเป็น HosXP PCU มาสามเดือนแล้ว ยังมะงุมมะงาหราอยู่เลย ใครถามข้อมูลอะไร ตอบเขาไม่ได้เลย สรุปว่าพึ่งตัวเองไม่ได้ หนำซ้ำคนที่เราพึ่งมันก็ไม่อยู่ให้เราพึ่ง อึดอัดมาก

วันนี้ไปให้ฝั่ง สสอ.ลงโปรแกรมcmpoint ให้ใหม่ ใช้งานได้ง่ายกว่าเยอะ คงเป็นเพราะคุ้นเคยมากกว่า ประมวลผลได้ง่ายกว่า ตอนนี้กำลังทบทวนว่าPCU จะเดินหน้าต่อหรือเปลี่ยนกลับอันเดิมดี คงต้องประชุมทีมกันก่อน ไม่ใช่ว่าจะไม่ยอมเปลี่ยนแปลง แต่ต้องให้ทำงานได้ง่ายขึ้น ไม่ใช่เป็นภาระ ที่สำคัญข้อมูลต้องอยู่ในมือเรา ไม่ใช่อะไรๆก็รอก่อนอย่างนี้ ในฐานะที่เรานำองค์กรเล็กๆ คงต้องตัดสินใจแล้วล่ะ เพราะวันเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ไม่หมุนย้อนกลับ มันจะเป็นวันเวลาที่เสียไป หรือเป็นวันเวลาที่ได้มา ต้องเสี่ยงกันหน่อยละนะ

แล้วจะมาบอกผลนะ