วันอังคารที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2562

พระในบ้าน

เป็นเวลาครบ ๑ เดือน พอดี ที่พระในบ้านองค์สุดท้ายได้จากไป สุดแสนจะอาลัยอย่างบอกไม่ถูก ทุกครั้งที่ย่างเข้ามาในบ้าน ได้ระลึกถึงสิ่งที่ท่านได้กระทำ สิ่งที่เราได้ปรนนิบัติให้ท่านสุขสบาย แม้แต่จะอาบน้ำก็ยังคิดถึงตอนที่เราอาบน้ำให้ท่าน ก็จะอาศัยเวลานี้ขอขมาท่านไปด้วย เพราะจะต้องสระผมให้สองมือเราต้องสัมผัสส่วนที่สูงที่สุดของตัวท่าน ก็ต้องบอก "ขอสูมาเต๊อะยาย" ยังได้ยินเสียงแว่วเข้ามาในหู "ขออย่าได้เป๋นบาปเป๋นก๋รรม ได้ปรนนิบัติหื้อแม่ก็ขอหื้อมีความสุขความเจริญยิ่งขึ้นไปเน้อ"
  
     แต่ทุกวันนี้ นอกจากความอาลัยรักแล้ว ไม่ได้มีความเสียใจเลยว่า ตอบแทนยังไม่ได้เต็มที่ก็มาจากกันไป ได้ปรนนิบัติยามเจ็บป่วย ยามแก่ชราแล้ว ให้ทั้งกำลังกาย กำลังทรัพย์ ที่สำคัญได้สนับสนุนให้แม่ได้ใช้ธรรมะในการดำเนินชีวิตจนกระทั่งลมหายใจสุดท้ายที่ไปพร้อมเสียงธรรม ก็ได้ชื่อว่าทำหน้าที่ลูกได้อย่างสมบูรณ์ที่สุดแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังมีปรากฏการณ์ที่ทำให้คิดว่าท่านจากไปไปสู่ภพภูมิที่มีสุขในสัมปรายภพนั้นหลาย ๆประการ

อันดับแรกคือ ท่านมีสติ รู้สึกตัวก่อนที่ท่านจะจากไป แม้ในขณะนั้นลูก ๆ คิดว่าท่านไม่รู้สึกตัวแล้ว ท่านสามารถตอบด้วยเสียงแจ่มชัดว่า "ฮู้ก่ะ"(รู้สิ) และยามที่ลูกรีบวางท่านลงนอน ยังบอกลูกได้ว่า "ไปฟั่ง"(อย่ารีบ) ซึ่งเป็นคำพูดสุดท้ายของท่าน ซึ่งเป็นเหมือนคาถาประจำตัวแล้ว และก็ทำให้เราได้ฉุกคิด ยับยั้งชั่งใจอยู่หลายๆเรื่อง 

อันดับสอง คือ ท่านจากไปหลังทำวัตรเช้ากับยูทูป และยังหายใจอย่างลำบาก เลยบอกว่า "เฮือนหลุแล้ว ไปหาบ้านใหม่ตี้ดีกว่า ไปพร้อมกับ พุทโธ ธัมโม สังโฆ เน้อ" พอจบคำพูดของเรา พุทโธ ธัมโม สังโฆ สามครั้ง ลมหายใจเฮือกสุดท้ายก็จากไปอย่างสงบ

อันดับสาม ท่านจากไปคืนวันโกน ก่อนถึงวันเพ็ญลอยกระทง ได้นอนฟังสวดที่บ้าน ๑ คืน ก่อนย้ายไปตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่วัด ซึ่งมีการเทศน์มหาชาติตลอดคืน พร้อมกับที่วัดมีการจัดงานลอยกระทง ขอขมาแม่น้ำคงคา มีการจุดพลุ รำวง เหมือนเป็นงานมหรสพสมโภช ไม่ต้องเศร้าเสียใจกับการจากไปของท่าน

 อันดับสี่ ก่อนเคลื่อนย้ายสรีรร่างของท่านไปสุสาน มีฝูงนกมาบินวนเวียนเหนือรถที่ใช้เคลื่อนย้ายร่างท่าน ก่อนบินลับหายไป ตามความเชื่อของคนเฒ่าคนแก่บอกว่า นกมารับดวงวิญญาณไปสวรรค์

อันดับห้า พอถึงสุสานก็นำร่างท่าน “ผัดต๋าสิน” หรือประทักษิณ วนรอบเมรุ สามรอบ มีฝนโปรยปรายเหมือนประพรมน้ำมนต์ แต่ไม่มีใครเปียกปอนเลย

     การทำพิธิฌาปนกิจเป็นไปอย่างเรียบง่าย สงบ ทั้ง ๆที่มีคนมาร่วมพิธีมากกว่า ๕๐๐ คน ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จสิ้น พอวันรุ่งขึ้น มีการเก็บกระดูก แต่เหลือแต่เถ้าถ่าน ไม่มีกระดูกให้เก็บเลย ท่านจากไปอย่างไม่มีที่ห่วงจริง ๆ

     เหตุการณ์ที่ประมวลเข้าด้วยกันก็ทำให้บรรดาลูกๆต่างยกมือ สาธุ ปลื้มปิติกับการจากไปที่ถึงวาระของท่านจริงๆ ในอายุ ๙๒ ปี ในเดือนเดียวกับที่ท่านถือกำเนิดมา
                                  
                                      “มัยหัง มาตาปิตูนังวะ ปาเทสุ วันทามิ สาทะรัง”