วันพุธที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2556

รวบรวมวาทะ อ.ดังตฤณ : [ 11 ] : ความโกรธ - การให้อภัย


• ถ้าปากยังพ่นไฟ ใจก็ไม่มีทางเย็น

• โดนใช้อย่างขี้ข้า
น่าเสียใจน้อยกว่าเป็นข้าทาสของความโกรธ

• อายุบอกความแก่
การควบคุมอารมณ์บอกระดับอาวุโส

• เหตุเกิดจากไฟ
เราเลือกได้ว่าจะเป็นไฟ หรือน้ำนะ 
ถ้าเลือกเป็นไฟ ก็เผาใจตนเองและผู้อื่น 
ถ้าเลือกเป็นน้ำ ก็นำความเย็นสบายมาสู่สองฝ่าย

• ที่ใดมีใจรู้ ที่นั่นไม่มีใจร้อน

• ธรรมะมีหลายระดับ
ธรรมะใดปกป้องคุณ 
จากความโกรธความเกลียด
และการแบ่งข้างเพื่อฟาดฟันกันไม่ได้
ธรรมะนั้น
ก็ยังป้องกันคุณ 
จากการตายไปสู่ทุคติภูมิไม่ได้


• ความโกรธมีโทษทุกระดับ 
สถานเบาคือเผาใจให้เป็นทุกข์ 
สถานกลางอาจผลักดันให้สังหารผู้อื่น 
สถานหนักก็ถึงขั้นฆ่าได้ไม่เว้นแม้แต่ตนเอง !

: ไฟโกรธ คือบทลงโทษขั้นต้นของการขาดสติ
ไฟแค้นเป็นบทลงโทษขั้นกลาง
ไฟนรก เป็นบทลงโทษขั้นสุดท้าย
...และสิ่งที่จะถูกเผาผลาญก็ไม่ใช่อะไรอื่น
คือจิตวิญญาณของคุณเอง !!

• ผลของความเคียดแค้นคือใจที่ดำ 
และสิ่งเดียวที่จะได้รับจากความตายในขณะใจดำคือภพที่มืด

• ทุกคนย่อมบอกว่ารักชีวิต 
เห็นชีวิตตนเองมีค่ากว่าความเจ็บใจ 
แต่ความเจ็บใจของตนมักมีค่ากว่าชีวิตคนอื่นเสมอ

. . . . . . . . . . . . . . . . . . .

• อย่าเกลียดใคร
เพราะคำอธิบายจากปากของเขา
จะเบากว่าคำด่าในหัวของเรา

• คนน่ารังเกียจอาจอยู่ข้างบ้าน
ในที่ทำงาน หรือแหล่งท่องเที่ยว
ถ้าคุณหาทางเป็นอิสระจากความเกลียดไม่ได้
โลกทั้งใบก็ไม่ต่างจากคุก

• คนเลวที่สุดในโลก
ไม่ใช่คนที่คุณพบว่าเขาทำเรื่องเลวกว่าใคร 
แต่เป็นคนที่คุณพบว่าเขา
ทำให้ใจคุณมืดดำด้วยความเกลียดมากกว่าคนอื่น

• ความเกลียดเป็นทุกข์ 
ยิ่งเกลียดคนอื่นมากขึ้นเท่าไร 
ใจคุณยิ่งเกลียดสภาพของตัวเองมากขึ้นเท่านั้น

• ที่สุดของการล้างแค้น
คือการรบกับความมืดในใจต่อ 

ทั้งก่อนและหลังการแก้แค้น
สิ่งที่ตกค้างอยู่ในใจเรามากที่สุดคือความเกลียด
ความมืดดำ อันเกิดจากความเกลียด
จะทำให้คุณพร้อมสร้างศัตรูใหม่ขึ้นมาได้ตลอดเวลา
ถ้าไม่ใช่คน ก็เป็นอารมณ์ร้ายของตัวเอง
อารมณ์ร้ายจะตามรบกวนคุณไม่ให้เป็นสุข
สู้ยาก ไล่ยาก
วิธีแก้แค้นที่ดีที่สุดจึงไม่ใช่ทำให้ใครตาย
แต่เป็นการทำให้ความเกลียดจางหายไปจากใจเราเอง 

• เป็นไปไม่ได้
ที่จะอภัยศัตรูขณะถือความเกลียดเป็นมิตร
แต่เป็นไปได้ที่จะอภัยมิตร
ขณะถือความเกลียดเป็นศัตรู

• ความเกลียดเป็นเหมือนจุดด่างพร้อยในชีวิต
ลบไม่ได้ก็คล้ายชีวิตสะอาดขึ้นไม่ได้



• นิสัยไม่อยากเอาเรื่องเอาราวใคร
ทำให้คุณไม่ต้องเหนื่อยทำใจนักเมื่อต้องอภัย
แต่คุณก็จำเป็นต้องฝึกอภัยไว้มาก
กว่าจะสร้างนิสัยไม่อยากเอาเรื่องเอาราวใครได้เป็นปกติ

• ความรู้สึกดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน
โดยเฉพาะตอนเอาชนะความเกลียด
และตอนเลิกถือสาหาความใครต่อใคร
เอาความเปรอะเปื้อนออกจากใจเสียได้

... ... ... ... ... ... ... ... ... ...

• คุณอาจโกรธโดยไม่ตั้งใจ แต่ไม่มีทางอภัยโดยบังเอิญ

• ความเจ็บใจที่มีแต่การนึกถึงใบหน้าคู่กรณี
จะยกระดับเป็นความอาฆาตแค้น
ความเจ็บใจที่ค่อยๆนึกถึงทางออกร่วมกัน
จะลดระดับลงเป็นความรู้สึกอภัยได้

• คนอารมณ์เย็นจริง ใช่ว่าไม่โกรธเลย
แต่เป็นคนที่เจอเรื่องกระทบแล้ว
เกิดความโกรธแล้ว
ไม่เห็นความโกรธเป็นตน
แต่เห็นความโกรธเป็นสิ่งดับได้อย่างรวดเร็ว

•  ถ้าอยากพูดด่าหรืออยากลงมือทำร้ายใคร
ตอนนั้นความโกรธ มีไว้ห้าม ไม่ใช่มีไว้ดู
แต่ถ้าแค่หงุดหงิดคิดไม่ดีกับใคร
ตอนนั้นความโกรธ มีไว้ดู ไม่ใช่มีไว้ห้าม

ฝึกอยู่อย่างนี้
ไม่ว่าจะโกรธหนักหรือโกรธเบา
จิตของคุณจะกลายเป็นนักดูความโกรธ
คุณสมบัติเด่นของนักดูความโกรธคือไม่ถูกความโกรธครอบงำ
แล้วก็ไม่พยายามครอบงำความโกรธด้วย
กระทั่งเหมือนแยกกันเป็นคนละฝ่าย
ฝ่ายหนึ่งโกรธให้ดู อีกฝ่ายหนึ่งรู้ความโกรธไป

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

•  ความโกรธ ไม่ใช่สิ่งที่ห้ามได้ทันที
หรือว่าไปตัดมันทิ้งได้ทันที แต่เป็นสิ่งที่ ถูกรู้ได้ทันที

•  การยอมรับตามจริงคือการไม่ออกแรงเพิ่ม
ภาวะที่มันเกิดขึ้นแล้วเรายอมรับตามจริงคือภาวะที่เรามีสติเข้าไปแทนที่ความโกรธ

  • ฝึกยอมรับว่าเราโกรธ
เห็นความโกรธเหมือนโรค
ปล่อยได้ก็เป็นสุขได้
พอเป็นสุขได้เราจะอภัยให้อย่างเป็นธรรมชาติ
ไม่ใช่หลอกตัวเองครับ

 • ระลึกไว้
ถ้าเกิดโทสะแล้วยอมรับตามจริง
ว่ามันแรงขึ้นได้ก็อ่อนลงได้
จิตไม่ย้อมติดกับโทสะได้
ก็แปลว่าไม่ถูกครอบงำจากปีศาจไหนๆได้

• วูบแห่งการเผลอตัว
ด่าคนแปลกหน้าบนท้องถนน
คือการเผลอใจไปเป็นปีศาจแปลกหน้าขึ้นมาชั่วขณะ

• โทสะแรงๆมีไว้กดข่ม
ก่อนด่าหรือลงมือลงไม้โทสะอ่อนๆมีไว้รู้ว่าไม่เที่ยง
ก่อนจะสำคัญว่ามันเป็นตัวเรา

• โกรธแล้วขาดสติ
แล่นตามความโกรธจะได้อกุศลจิตโกรธแล้วเกิดสติ
รู้ว่าความโกรธไม่เที่ยงจะได้มหากุศลจิต



• ผู้หวงความโกรธไว้
ได้ชื่อว่าหวงทุกข์ไว้
ผู้ยินยอมเปล่งคำพูด
และลงมือกระทำการเพื่อรับใช้ความโกรธ

ย่อมได้ชื่อว่ายังทำตัวเป็นบ่าวไพร่ของโทสะ
ยากจะเอาชนะ
เพื่อเลื่อนชั้นขึ้นเป็นนายของกิเลส
ไม่อาจลิ้มรสความเยือกเย็นอันเป็นอมตะตามพระผู้สิ้นโกรธได้

: ปัญหาคือแม้คนเราจะเล็งเห็นโทษของความโกรธ
แต่ก็ยังไม่เห็นประโยชน์ว่าจะเลิกโกรธไปทำไม
ในเมื่อโลกนี้ยังเต็มไปด้วยเรื่องน่าโกรธ
และน่าให้แสดงความโกรธอยู่ชั่วนาตาปี

: สรุปคือการรบกับความโกรธที่ดีที่สุด

"คือการไม่คาดหวังเอากับตัวเองว่าจะไม่โกรธ
และเมื่อโกรธแล้วก็ให้ยอมรับตามจริง
เมื่อยอมรับตามจริงก็ย่อมเห็นความจริงอันไม่ควรยึดมั่นถือมั่น"

: ทางที่ถูกต้องทำความเข้าใจไว้ให้ดีๆตั้งแต่แรกว่า
ความโกรธ ความขัดเคือง
หรือความเกลียดความกลัวทั้งปวงนั้น หาใช่ตัวเราไม่

: โทสะเป็นเพียงความกระเพื่อมไหวของจิต
มิใช่ตัวจิตเอง
เปรียบเหมือนคลื่นไม่ใช่น้ำ 
เป็นแค่อาการกระเพื่อมไหวของน้ำเท่านั้น 

: ขอเพียงทบทวนบ่อยๆ
ตั้งป้อมเป็นฝ่ายรู้ฝ่ายดู
ไม่ช่วยโหม ไม่ฝืนต้าน
เมื่อผ่านไปนานวันนานเดือนเข้า

ก็จะเห็นความก้าวหน้าอย่างเป็นไปเองทีละน้อย
นั่นคือคุณเรียนรู้ที่จะตั้งจิตไว้อีกแบบ ใช้ชีวิตอีกแบบ
เลิกยึดมั่นถือมั่นว่าคุณต้องดี คุณจะเอาดี

แต่เปลี่ยนเป็นรับสภาพตามจริงว่า
จิตไม่จำเป็นต้องดี จิตไม่ได้มีไว้เพื่อเอาดี
จิตเป็นเพียงธรรมชาติที่ถูกกระทบได้
เกิดความกระเพื่อมไหวได้ แล้วกลับสงบลงได้เอง

: ขอเพียงไม่เอา ‘ตัวคุณ’ เป็นที่ตั้งของการรบ
วันหนึ่งการรบจะสิ้นสุด
โดยไม่มีใครแพ้ ไม่มีใครชนะ
มีแต่สภาพทุกข์คลี่คลายไปสู่ความดับสนิท เย็นสนิท
เป็นบรมสุขเหนือภาวะเร่าร้อนใดๆ

: "โกรธอย่างรู้ ดีกว่าหายโกรธอย่างไม่รู้"

 จาก
• คิดจากความว่าง 4
"รบกับความโกรธ อย่ารบกับตัวเอง"


• เวรที่ยืดเยื้อ เริ่มต้นจากเวรที่อภัยได้แล้วไม่อภัย

• อย่าถามว่าอภัยแล้วจะได้อะไรมา
ให้ถามว่าถ้าอภัยแล้วเป็นอิสระ
จากคุกร้อนๆที่ใจโดนขังอยู่จะเอาไหม

• ให้อภัยคนเลวหมดใจ 
แล้วจะรู้สึกว่าต้องไปเกี่ยวข้องกับคนเลวน้อยลง

•  อย่าเอาแต่สวดแผ่เมตตา
ให้ทำใจเป็นเมตตาด้วยความเข้าใจกันด้วย
ความเข้าใจนั่นแหละ
ที่ทำให้คนเรา อภัยได้จริง
ความเข้าใจนั่นแหละ
ที่ช่วยให้เรายัง มองหน้ากันได้ติด
และความเข้าใจนั่นแหละ
ที่จะยุติเรื่องเลวร้าย

. . . . . . . . . . . . . . . .

• การอภัยเป็นอะไรมากกว่าการแกล้งลืมครับ
มันคือการยกเอาโทษออกจากใจเราเอง
พอใจพ้นโทษจริง ก็พบความสุขแท้นะ

• การให้อภัยคือการไม่หวงอารมณ์โกรธไว้
ผู้ที่ฝึกให้อภัยไว้ก่อน
จึงกลายเป็นนักเจริญสติที่เห็นความไม่เที่ยงของความโกรธโดยง่าย

• เริ่มฝึกเมตตาตอนโกรธ
เห็นความโกรธเหมือนเชื้อโรคทางวิญญาณ
เป็นทุกข์ ไม่ควรอมไว้ด้วยใจ
พอคายออกได้ก็เป็นสุข ให้แผ่ความสุขนั้นนานๆ

• การให้อภัยของเราไม่ใช่ยางลบ
ที่ไปลบเจตนาร้ายของเขา
เมื่อเจตนาไม่ถูกลบ
ผลของเจตนาก็ต้องเกิด
เพียงแต่ถ้าเขาสำนึกผิดมันก็เบาบางลงได้ 


• การอภัยไม่ต้องเสียอะไรเพิ่ม
การจองเวรสิต้องเสียยิ่งกว่าเดิมไม่รู้เท่าไหร่
ทั้งเวลา ทั้งกำลังกายกำลังใจ
บุญบาปทำหน้าที่อยู่แล้ว
เราปล่อยเขาไปตามทางที่เขาสร้างเอง
เดินเอง และเสวยผลเองน่ะดีที่สุด
ถ้าผูกใจเจ็บก็เท่ากับ
พลอยกระโจนไปร่วมรับบาปอย่างใดอย่างหนึ่ง
บนเส้นทางของเขาด้วย

• การผูกกรรมมีความพิสดารลึกซึ้ง
เราคาดไม่ถึงหรอก
เรานึกว่าแค่ผูกใจเจ็บก็เป็นเรื่องส่วนตัวในใจ

แต่ความจริงมันเกิด กระแสเวรผูกพันระหว่างวิญญาณขึ้นมา
แม้เราไม่เคยเห็นหน้าค่าตาเขาก็ตาม
เขาเป็นฝ่ายกระทำต่อเราวันนี้
อนาคตจะต้องมีเรื่องมีราวให้เรามีอำนาจเหนือกว่า
และกรรมเก่าจะยั่วยุให้เราคิดเอาคืนบ้าง
ซึ่งก็แปลว่าเราจะมีโอกาสทำบาป
และรับผลจากบาปนั้นคืนในกาลต่อไป

. . . . . . . . . . . . . .

• การอภัยในเรื่องน่าเจ็บปวดที่สุด ทำได้ยากที่สุด
จึงแทบจะเป็นการทำแต้มสูงสุดในเกมกรรม
และกล่าวได้ว่าเป็นการใช้หนี้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ถ้าทำไม่ได้ก็น่าเห็นใจ
แต่หากทำได้ ก็ไม่มีบุญกุศลชนิดไหนๆอีกแล้วที่คุณจะทำไม่ได้

• ก่อนอื่นต้องมองว่าตอนใครทำให้คุณเจ็บช้ำน้ำใจมากๆนั้น
คือรูปแบบหนึ่งของการโดนทวงหนี้
เมื่อมองอย่างนี้คุณจะเต็มใจให้อภัย
และทราบชัดจากความเบาหัวอก
ว่าหนี้เก่าถูกชำระแล้ว
อาจต้องผ่อนส่งหลายครั้ง
หรืออาจเหมารวบเบ็ดเสร็จในครั้งเดียว

• สรุปคือเมื่อถูกทำให้แค้น
แล้วไม่คิดแก้แค้น
เรียกว่าเป็นการใช้หนี้

ขอให้จำไว้ว่า
คุณอาจโกรธโดยไม่ตั้งใจ
แต่ไม่มีทางอภัยโดยบังเอิญ
อย่างน้อยต้องมีสิ่งสะกิดใจ
หรือมีใจเปี่ยมเมตตาเป็นทุนอยู่ก่อน 

. . . . . . . . . . . . . . . . .

• คนโกรธยาก
คือพวกที่ไม่ทำให้โลกนี้แย่ลงกว่าที่เป็นอยู่
และเป็นพวกเดียวที่จะทำให้โลกนี้เย็นลงได้

• ถ้าสามารถช่วยคนที่ชอบได้จะเป็นสุข
ถ้าเต็มใจช่วยคนที่ไม่ชอบได้จะสุขกว่า
ถ้าพร้อมช่วยกระทั่งคนที่เกลียดได้จะสุขที่สุด

ดังตฤณ -

. . . . . . . . . . . . . . .

~ 『 TUNYAR 』~

• Admin Fanpage • 

- เรียบเรียง -

วันเสาร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2556

รับบุญ..รับปีใหม่ ๒๕๕๖


วันแรกของการทำงานในปีใหม่ พบปะเพื่อนร่วมงานแลกเปลี่ยนการแสดงความปรารถนาดี อวยพรปีใหม่กัน แล้วจู่ๆก็นึกถึงการไปกราบพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เพื่อรับพระธรรมคำสั่งสอนให้เป็นสิริมงคล เผื่อปะเหมาะเคราะห์ดีหลวงพ่อเมตตาได้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ในการปฏิบัติบ้าง เพราะส่วนตัวจะไม่ได้รับการอบรมในการปฏิบัติเข้มข้นหรือเข้าคอร์สใดๆ เนื่องจากตัวเองจะนิสัยเสียในการ Fixed idea ว่าภาวนาพุทโธ เคยไปเรียนสายหนอกับคุณแม่ชี รู้สึกว่าไม่ถูกจริต ตีกันให้ยุ่งไปหมด เลยปฏิบัติเองไปช้าๆ สงบมั่งไม่สงบมั่ง แต่ก็ไม่ได้เร่งรัดมาก อย่างไรก็ตามก็เพียรพยายามอยู่ อาศัยสัจจะที่ให้ไว้กับคุณดนัย จันทร์เจ้าฉายตอนรับ wrist band ขณะไป OD ที่อ่างขางว่า จะปฏิบัติให้ได้ทุกวัน 


นัดกับพี่ปึ้งกับอ้ายหล้าว่าจะไปใส่บาตรตอนเช้าที่วัดป่าหมู่ใหม่ กราบนมัสการหลวงพ่อประสิทธิ์ เลยออกบ้านตั้งแต่ตีห้าครึ่ง แวะรับอ้ายหล้าก่อนไปรับพี่ปึ้งที่บ้าน ไปถึงวัดเจ็ดโมงพอดี หลวงพ่อไม่ได้บิณฑบาตร เนื่องจากมีปัญหาด้านสุขภาพ เลยนำของที่เตรียมไปใส่ถาดที่โยมอุปัฏฐากนำไปถวายอีกที ดีใจที่ได้ไปเช้า เพราะไม่เช่นนั้นคงไม่มีโอกาสได้ถวายภัตตาหารให้หลวงพ่อ ส่วนที่เหลือก็จัดใส่ถาดไปถวายพระสงฆ์ในศาลาฉัน รอรับพรพระ ระหว่างนั้นอ้ายหล้าก็กลายเป็นอ้ายหล้าปันเกย คุยกับคุณลุงที่ท่าทางจะคุ้นเคยกับกิจวัตรในวัดป่าหมู่ใหม่เป็นอย่างดี คุณลุงก็ได้กรุณาเล่าเรื่องเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยให้ฟังพร้อมคำแนะนำในการไปกราบหลวงพ่อ แล้วแถมแนะนำพระที่คุณลุงบอกว่า "ของจริง" ให้แวะไปกราบไหว้อีก แต่จำได้ไม่หมด แฮ่ะๆ
ภายในศาลาที่เป็นโรงฉัน
เวลา 8.45 น. อาหารที่จะประเคนเพียบ ทั้งที่พระไปบิณฑบาตรมา และญาติโยมมาถวาย


หลังจากพระให้พรเสร็จก็รีบพากันไปกุฏิหลวงพ่อประสิทธิ์ เพราะท่านจะลงให้ญาติโยมนมัสการไม่นานนัก เนื่องจากท่านอาพาธเป็นหมอนรองกระดูกทับเส้น นั่งนานไม่ได้ ไปกราบท่านเห็นท่านยิ้ม ใบหน้าที่เปี่ยมด้วยความเมตตา ถึงแม้ท่านไม่พูดก็รู้สึกปิติ อิ่มบุญอิ่มใจ ออกมาแวะศาลาที่มีอาหารเหลือจากพระสงฆ์ที่ท่านฉันแล้ว วันนี้วันพระ กินมังสวิรัติ เลยได้กล้วยน้ำว้ามา 2 ลูก มานั่งกินที่ม้าหินอ่อน นึกได้ว่าคุณลุงบอกว่า จะได้รับแจกรูปหลวงพ่อกับสติ๊กเกอร์ เลยกลับเข้าไปอีก เจอคุณป้าไพคนดีศรีล้านนาสาธารณสุขทักทายกันเล็กน้อยก่อนรีบกลับไปขอรูปหลวงพ่อ ได้มาสมความตั้งใจ เฮ้อ เกือบไปแล้ว อิอิ ไม่ได้รูปถ่ายจากกุฏิหลวงพ่อ เพราะมีป้ายติดห้ามถ่ายรูปเลยไม่มีภาพประกอบนะคะ

ออกจากวัดป่าหมู่ใหม่ คุณลุงบอกว่า ให้ไปนมัสการหลวงพ่อกวง ลูกศิษย์หลวงพ่อประสิทธิ์ อยู่ที่วัดป่านาบุญ เลยต้องรีบไปเหมือนกัน เพราะไม่งั้นท่านเข้ากุฏิปฏิบัติกรรมฐานแล้วกว่าจะออกรับญาติโยมอีกก็เย็น คงรอไม่ไหวแน่ ไปถึงวัดก็เจอหลวงพ่อพอดี ท่าทางท่านสบายๆอ่านหนังสืออยู่ ถวายสังฆทานแล้วก็สนทนาธรรมกับท่าน ท่านพูดเรื่องจิต เรื่องการภาวนา จากหนังสือที่ท่านกำลังอ่านอยู่ ตอนหนึ่งพูดเรื่องการอธิษฐานไม่ขอเกิดเป็นผู้หญิง ท่านก็เมตตาตอบว่า ถ้าไม่มีผู้หญิงก็เกิดลูกหลานไม่ได้ ทุกคนเป็นได้ทั้งหญิงทั้งชาย แล้วแต่บุญกรรมจัดสรรเป็นไป เหมือนพระพุทธมารดาของพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ ขณะนี้เป็นมหาสิริมายาเทพบุตรอยู่ รอเกิดเป็นพระพุทธมารดาพระศรีอริยเมตไตรย์ โห ความรู้ใหม่เลยนะเนี่ย เคยคิดว่า ท่านคงถึงนิพพานไปแล้ว แต่ยังรอเป็นพระพุทธมารดาอีกเหรอเนี่ย

หลวงพ่อกวงก็เหมือนหลวงพ่อประสิทธิ์ที่ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป แต่ไม่มีป้ายห้าม พอขออนุญาตถ่ายรูปท่านก็ยิ้มๆ บอกว่า ถ่ายไปทำไมเยอะแยะ เอานี่ไปดีกว่า ปรากฎว่า ท่านให้รูปของหลวงพ่อประสิทธิ์ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของท่าน แสดงถึงความเคารพที่ท่านมีต่อพระอาจารย์ของท่านอย่างมาก หลวงพ่อกวงท่านก็มีความเมตตาอย่างยิ่งเหมือนกัน หน้าตาอิ่มเอิบยิ้มอยู่ตลอดเวลาทำความรู้สึกชุ่มชื่นใจ ปิติในใจลูกศิษย์ลูกหา ยังความกรุณาที่ท่านช่วยชงกาแฟสดแจกลูกศิษย์ญาติโยม(เพราะลูกศิษย์ชงแบบเก้ๆกังๆ ร้อนถึงท่านต้องลุกไปช่วย) แนะนำให้เติมโน่นนี่ กาแฟที่หอมหวล รสชาติอร่อยที่ท่านบอกว่า มีคนมาถวาย สตาร์บัคส์ก็มี ของอเมริกาก็มี นับว่าเป็นบุญอย่างยิ่งแล้วที่ได้ชิม อร่อยเหมือนน้ำทิพย์

พูดถึงธาตุขันธ์ของท่าน ถามว่า สบายดีหรือเปล่าเจ้าคะ สุขภาพเป็นอย่างไร ท่านตอบว่า ก็ธรรมดา เกิด แก่ เจ็บ ตาย ทุกคนต้องเจอ หลวงปู่มั่นยังว่าเวลามีคนจะถวาย อาหารเสริมหรือยาอายุวัฒนะ ท่านว่า ไม่มีประโยชน์ที่จะรดน้ำตอไม้ที่แห้งแล้ว อ้ายหล้าว่าเห็นภาพเลย

นมัสการลาท่านมาด้วยความรู้สึกอิ่มบุญ อิ่มใจ และอิ่มท้องจากกาแฟทิพย์ของหลวงพ่อ
หลวงพ่อประสิทธิ์และหลวงพ่อกวง
ขอบคุณภาพจากเวปของวัดป่าหมู่ใหม่ เพราะไม่สามารถถ่ายรูปท่านมาได้ด้วยตนเองได้
ออกจากวัดป่านาบุญก็ไปวัดหลวงพ่อเปลี่ยน วัดอรัญญวิเวก แต่ท่านเข้ากุฏิไปแล้ว เพราะเกือบสิบเอ็ดโมงแล้ว ถ้าจะมากราบท่านก็ต้องมาก่อนเก้าโมงครึ่ง แต่ไม่เป็นไร วันหลังค่อยมาใหม่ก็ได้เหมือนกัน เข้าไปไหว้พระที่ศาลมรรคแปด และไปนั่งสมาธิในวิหารกันก่อนออกจากวัด
ในศาลามรรคแปด
พระประธานในวิหารวัดอรัญญวิเวก

ขอน้อมนำบุญมาให้ทุกท่านด้วยนะคะ สาธุ...สาธุ...สาธุ