พักนี้มีหลายคนมาบ่นๆ เรื่องถูกระบายสีชีวิตจนเกิดสีสัน คนพูดอาจสนุกปาก แต่คนถูกพูดถึงอาจขำๆ หรือคันๆในอารมณ์จนถึงอยากเอาระเบิดไปปาหัว เอามีดเฉาะปากคนพูด แต่เรามามองความจริงตามคุณวินทร์ เลียววาริณแล้วอาจฉุกคิดมีสติที่จะไม่โต้ตอบเพราะไม่เกิดประโยชน์ใดๆ
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้มีพระดำรัสสั่งสอนไว้ว่า คำนินทาใดๆ ไม่อาจทำคนดีให้เป็นคนไม่ดีไปได้ คนจะดีก็เพราะกรรม คนจะเลวก็เพราะกรรม หาใช่จะดีเพราะสรรเสริญ หรือจะเลวเพราะนินทาก็หาไม่ ควรถือความจริงนี้เป็นสำคัญ และอย่าทำหรือไม่ทำอะไรเพราะกลัวนินทาหรือเพราะปรารถนาสรรเสริญ อย่าทำอะไรก็ตามทุกอย่างที่แม้เพียงสงสัยว่าเป็นกรรมไม่ดี แต่จงทำอะไรก็ตามทุกอย่างที่พิจารณาแล้วตระหนักแน่ชัดว่าเป็นกรรมดีเท่ากัน แม้ว่าการทำกรรมดีจะมีผู้นินทา
นินทานั้นไม่มีโทษแก่ผู้ถูกนินทาเลย ถ้าผู้ถูกนินทาไม่รับ คือไม่ตอบ เช่นเดียวกับผู้ถูกด่าไม่ด่าตอบ ผู้ถูกขู่ไม่ขู่ตอบ ผู้ถูกชวนวิวาทไม่วิวาทตอบ แต่คำนินทาว่าร้ายทั้งจะตกเป็นของผู้นินทาทั้งหมด ผู้นินทาคือผู้ทำกรรม ซึ่งเป็นกรรมไม่ดี ไม่ว่าผู้ถูกนินทาจะรับหรือไม่รับก็ตาม ผู้นินทาย่อมได้รับผลไม่ดีแห่งกรรมไม่ดีของเขาอย่างแน่นอน
ดังนั้น แม้เมื่อถูกนินทาแล้ว ก็ให้คิดว่าผู้นินทาเราได้รับการตอบแทนแล้ว คือได้รับผลของกรรมไม่ดี ซึ่งจะส่งผลให้ปรากฏช้าหรือเร็วเท่านั้น ผลของกรรมไม่ดีนั้นแหละได้ตอบแทนเขาผู้นินทาแล้ว เราไม่มีความจำเป็นต้องตอบแทนแต่อย่างใด
ความเชื่อในเรื่องกรรมและ ผลของกรรมมีคุณอย่างที่สุด ผู้ใดทำกรรมไว้จักได้รับผลของกรรมนั้น ความเชื่อเช่นนี้จักทำให้ไม่คิดร้ายตอบผู้คิดร้าย เป็นการระงับเวรภัยไม่ให้เกิดแก่ตน เป็นการป้องกันตนมิให้ทำกรรมไม่ดี ทั้งทางกายวาจาและใจ โดยมุ่งให้เป็นการแก้แค้นตอบแทน ผลจักเป็นความสงบสุขแก่ตนและแก่ผู้อื่นด้วย
คุณวินทร์ เลียววาริณ ได้เสนอบทความว่า
งานอดิเรกยอดฮิตอย่างหนึ่งของชาวมนุษย์คือการสอดรู้สอดเห็น อาจพัฒนามาจากสัญชาตญาณสอดรู้สอดเห็นเพื่อให้อยู่รอดในโลกกว้าง จนกลายมาเป็นการสอดรู้สอดเห็นเพื่อความบันเทิง พูดง่ายๆ คือรู้สึกดีเวลารู้ความลับของคนอื่น!
และเมื่อบวกกับนิสัยเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ก็นิยมขยายการรู้ความลับของคนอื่นให้คนอื่นๆ รับรู้ด้วย!
โบราณบอกว่าการนินทากาเลเป็นนิสัยไม่ดีอย่างหนึ่ง แต่บัดนี้นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่า ความจริงแล้วการนินทาเกิดจากเชื้อโรคชนิดหนึ่ง เชื้อโรคพันธุ์นี้มักเกิดแถวปากและแก้วหู ทำให้เกิดอาการคันปาก อยากระบายมันออกไป ตามหลักขจัดพิษด้วยตัวเอง (self detoxfication)! โรคนี้ภาษาแพทย์ยาวมาก นิยมเรียกย่อว่า TIGER ซึ่งมีที่มาจากคุณลักษณะห้าข้อของผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคนี้คือ
T - Talkative พูดก่อน คิดทีหลัง (อาการจะหนักขึ้นหากประกอบอาชีพนักการเมือง)
I - Immature ไม่รู้จักโต ไม่รู้จักควบคุมตัวเอง
G - Garbage ชอบขลุกกับขยะ (พวกชอบดูหนัง ‘น้ำเน่า’ อาจพอเข้าข่ายนี้!)
E - Eavesdropping ชอบแอบฟังเรื่องลับเฉพาะทั้งหลาย
R - Relating มีความสามารถเชื่อมโยงหลายเรื่องเข้าด้วยกันได้ (พอกล้อมแกล้มได้ว่าเป็นการใช้ความคิดสร้างสรรค์อย่างหนึ่ง)
เชื้อโรคสายพันธุ์นี้เมื่อมาถึงเมืองไทยมักจะกลายพันธุ์ มีฤทธิ์แรงกว่าเดิม ทางการแพทย์ไทยเรียก TIGER-ก (ก คือ กลายพันธุ์) ถึงไม่จัดว่าเป็นโรคติดต่อร้ายแรงที่ส่งผลถึงแก่ชีวิต แต่ก็เป็นโรคที่น่ารำคาญและสมควรรักษาให้หายขาดอย่างยิ่ง
อาการของโรคนี้คือ ชอบขยายความ
ฟังมาเรื่องหนึ่ง จะเล่าเรื่องเสริมแถมไปด้วย เช่น มีคนเล่าให้ฟังว่า นางสาว ก. สวมชุดอาบน้ำว่ายน้ำในโรงแรม และเกิดอุบัติเหตุหกล้ม ก็เล่าเสริมว่า อาจเพราะมัวแต่มองชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง
ท้ายสุดเมื่อผ่านการเล่าไปสิบปาก เรื่องก็กลายเป็นว่า นางสาว ก. เกิดอุบัติเหตุบิกินีหลุดล้มใส่ชายหนุ่มคนหนึ่ง และเลยกลายเป็นสัมพันธ์สวาทกับนายคนนั้น ฯลฯ
ขยายความเสียจนจำเรื่องเดิมไม่ได้
และหากสำทับด้วยประโยค "จุ๊! จุ๊! อย่าบอกใครนะ" ข่าวนั้นก็ยิ่งเดินทางเร็วกว่าจรวด!
วิธีการป้องกันรักษา :
1 เลิกอ่านคอลัมน์ซุบซิบนินทา
2 ใช้หลักฟังหูซ้ายทะลุหูขวา ใครเล่าเรื่องไม่ดีของคนอื่นให้ได้ยิน ก็ทิ้งมันไว้ตรงนั้น
3 หัดมองด้านดีของคนอื่นบ้าง
4 ใช้หลัก ‘เอาใจเขามาใส่ใจเรา’ ลองนึกดูว่าหากเราเป็นคนที่ถูกนินทา จะเจ็บปวดเพียงใด
5 ใช้หลักสามัญสำนึก หากเรื่องที่คุณได้รับการบอกเล่าเป็นเรื่องลับของใครคนหนึ่งจริง มันก็คงเดินทางมาไม่ถึงหูคุณ
6 ใช้หลัก ‘กรรมสนองกรรม’ หากคุณนินทาคนอื่นได้ คนอื่นก็นินทาคุณได้
7 เคารพการตัดสินใจการใช้ชีวิตของผู้อื่น ชีวิตใครชีวิตมัน มนุษย์สมควรมีเสรีภาพที่จะเลือกใช้ชีวิตของเขาหรือเธออย่างไรก็ได้
8 อย่าทำตัวเป็นผู้พิพากษา อย่าพยายามตัดสินคนอื่นด้วยมาตรฐานของศีลธรรม ค่านิยม หรือความเห็นส่วนตัว
ชีวิตของมนุษย์บนโลกสั้นนัก น่าเสียดายเวลาหากต้องเสียมันไปกับเรื่องที่ไม่เกิดผลอะไร
รกหู รกสมอง รกใจ
สิ่งสวยงามในโลกนี้ยังมีมาก ไปขลุกกับของสกปรกทำไม
เอ้อ! แล้วอย่าบอกใครนะ!
วินทร์ เลียววาริณ
www.winbookclub.com
วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2554
วันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2554
วาทะดังตฤณ DUNGTRIN
การให้อภัย
: เหตุเกิดจากไฟ เราเลือกได้ว่าจะเป็นไฟ หรือน้ำนะ ถ้าเลือกเป็นไฟ ก็เผาใจตนเองและผู้อื่น ถ้าเลือกเป็นน้ำ ก็นำความเย็นสบายมาสู่สองฝ่าย
: ก่อนอื่นต้องมองว่าตอนใครทำให้คุณเจ็บช้ำน้ำใจมากๆนั้น คือรูปแบบหนึ่งของการโดนทวงหนี้ เมื่อมองอย่างนี้คุณจะเต็มใจให้อภัย และทราบชัดจากความเบาหัวอก ว่าหนี้เก่าถูกชำระแล้ว อาจต้องผ่อนส่งหลายครั้ง หรืออาจเหมารวบเบ็ดเสร็จในครั้งเดียว
: สรุปคือเมื่อถูกทำให้แค้นแล้วไม่คิดแก้แค้น เรียกว่าเป็นการใช้หนี้ ขอให้จำไว้ว่าคุณอาจโกรธโดยไม่ตั้งใจ แต่ไม่มีทางอภัยโดยบังเอิญ
: อย่าเมตตาแบบเจืออยู่ด้วยความคาดหวัง เมตตาที่แท้รินออกมาเมื่อเห็นความพยาบาทเหมือนโรคทางใจ สละได้ใจเราก็เป็นสุขเอง
: อย่าถามว่าอภัยแล้วจะได้อะไรมา ให้ถามว่าถ้าอภัยแล้วเป็นอิสระจากคุกร้อนๆที่ใจโดนขังอยู่จะเอาไหม
: ให้อภัยคนเลวหมดใจ แล้วจะรู้สึกว่าต้องไปเกี่ยวข้องกับคนเลวน้อยลง
: การอภัยไม่ต้องเสียอะไรเพิ่ม การจองเวรสิต้องเสียยิ่งกว่าเดิมไม่รู้เท่าไหร่ ทั้งเวลา ทั้งกำลังกายกำลังใจ บุญบาปทำหน้าที่อยู่แล้ว เราปล่อยเขาไปตามทางที่เขาสร้างเอง เดินเอง และเสวยผลเองน่ะดีที่สุด ถ้าผูกใจเจ็บก็เท่ากับพลอยกระโจนไปร่วมรับบาปอย่างใดอย่างหนึ่งบนเส้นทางของเขาด้วย
: การผูกกรรมมีความพิสดารลึกซึ้ง เราคาดไม่ถึงหรอก เรานึกว่าแค่ผูกใจเจ็บก็เป็นเรื่องส่วนตัวในใจ แต่ความจริงมันเกิดกระแสเวรผูกพันระหว่างวิญญาณขึ้นมา แม้เราไม่เคยเห็นหน้าค่าตาเขาก็ตาม เขาเป็นฝ่ายกระทำต่อเราวันนี้ อนาคตจะต้องมีเรื่องมีราวให้เรามีอำนาจเหนือกว่า และกรรมเก่าจะยั่วยุให้เราคิดเอาคืนบ้าง ซึ่งก็แปลว่าเราจะมีโอกาสทำบาปและรับผลจากบาปนั้นคืนในกาลต่อไป
: การอภัยในเรื่องน่าเจ็บปวดที่สุด ทำได้ยากที่สุด จึงแทบจะเป็นการทำแต้มสูงสุดในเกมกรรม และกล่าวได้ว่าเป็นการใช้หนี้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ถ้าทำไม่ได้ก็น่าเห็นใจ แต่หากทำได้ ก็ไม่มีบุญกุศลชนิดไหนๆอีกแล้วที่คุณจะทำไม่ได้
รวบรวมวาทะพี่ดังตฤณ : การให้อภัย
http://www.facebook.com/note.php?note_id=180959841930417
ขอเก็บไว้เตือนตัวเอง ว่า ทุกวันนี้เราให้อภัยได้แค่คำพูดหรืออย่างไร ทำไมความคิดจึงวนเวียนกับเรื่องเดิมๆอยู่ ใจเรายังถูกขังคุกอยู่ใช่ไหม บทความนี้จะช่วยให้เรามีสติได้ เอาเป็นว่าเผลอเมื่อไหร่ก็จะเข้ามาดูเป็นระยะๆนะ ต้องขอบคุณ คุณดังตฤณที่เขียนบทความนี้ขึ้นมากระตุกต่อมสติได้ดี
ขอบคุณนะคร้าาา....
: เหตุเกิดจากไฟ เราเลือกได้ว่าจะเป็นไฟ หรือน้ำนะ ถ้าเลือกเป็นไฟ ก็เผาใจตนเองและผู้อื่น ถ้าเลือกเป็นน้ำ ก็นำความเย็นสบายมาสู่สองฝ่าย
: ก่อนอื่นต้องมองว่าตอนใครทำให้คุณเจ็บช้ำน้ำใจมากๆนั้น คือรูปแบบหนึ่งของการโดนทวงหนี้ เมื่อมองอย่างนี้คุณจะเต็มใจให้อภัย และทราบชัดจากความเบาหัวอก ว่าหนี้เก่าถูกชำระแล้ว อาจต้องผ่อนส่งหลายครั้ง หรืออาจเหมารวบเบ็ดเสร็จในครั้งเดียว
: สรุปคือเมื่อถูกทำให้แค้นแล้วไม่คิดแก้แค้น เรียกว่าเป็นการใช้หนี้ ขอให้จำไว้ว่าคุณอาจโกรธโดยไม่ตั้งใจ แต่ไม่มีทางอภัยโดยบังเอิญ
: อย่าเมตตาแบบเจืออยู่ด้วยความคาดหวัง เมตตาที่แท้รินออกมาเมื่อเห็นความพยาบาทเหมือนโรคทางใจ สละได้ใจเราก็เป็นสุขเอง
: อย่าถามว่าอภัยแล้วจะได้อะไรมา ให้ถามว่าถ้าอภัยแล้วเป็นอิสระจากคุกร้อนๆที่ใจโดนขังอยู่จะเอาไหม
: ให้อภัยคนเลวหมดใจ แล้วจะรู้สึกว่าต้องไปเกี่ยวข้องกับคนเลวน้อยลง
: การอภัยไม่ต้องเสียอะไรเพิ่ม การจองเวรสิต้องเสียยิ่งกว่าเดิมไม่รู้เท่าไหร่ ทั้งเวลา ทั้งกำลังกายกำลังใจ บุญบาปทำหน้าที่อยู่แล้ว เราปล่อยเขาไปตามทางที่เขาสร้างเอง เดินเอง และเสวยผลเองน่ะดีที่สุด ถ้าผูกใจเจ็บก็เท่ากับพลอยกระโจนไปร่วมรับบาปอย่างใดอย่างหนึ่งบนเส้นทางของเขาด้วย
: การผูกกรรมมีความพิสดารลึกซึ้ง เราคาดไม่ถึงหรอก เรานึกว่าแค่ผูกใจเจ็บก็เป็นเรื่องส่วนตัวในใจ แต่ความจริงมันเกิดกระแสเวรผูกพันระหว่างวิญญาณขึ้นมา แม้เราไม่เคยเห็นหน้าค่าตาเขาก็ตาม เขาเป็นฝ่ายกระทำต่อเราวันนี้ อนาคตจะต้องมีเรื่องมีราวให้เรามีอำนาจเหนือกว่า และกรรมเก่าจะยั่วยุให้เราคิดเอาคืนบ้าง ซึ่งก็แปลว่าเราจะมีโอกาสทำบาปและรับผลจากบาปนั้นคืนในกาลต่อไป
: การอภัยในเรื่องน่าเจ็บปวดที่สุด ทำได้ยากที่สุด จึงแทบจะเป็นการทำแต้มสูงสุดในเกมกรรม และกล่าวได้ว่าเป็นการใช้หนี้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ถ้าทำไม่ได้ก็น่าเห็นใจ แต่หากทำได้ ก็ไม่มีบุญกุศลชนิดไหนๆอีกแล้วที่คุณจะทำไม่ได้
รวบรวมวาทะพี่ดังตฤณ : การให้อภัย
http://www.facebook.com/note.php?note_id=180959841930417
ขอเก็บไว้เตือนตัวเอง ว่า ทุกวันนี้เราให้อภัยได้แค่คำพูดหรืออย่างไร ทำไมความคิดจึงวนเวียนกับเรื่องเดิมๆอยู่ ใจเรายังถูกขังคุกอยู่ใช่ไหม บทความนี้จะช่วยให้เรามีสติได้ เอาเป็นว่าเผลอเมื่อไหร่ก็จะเข้ามาดูเป็นระยะๆนะ ต้องขอบคุณ คุณดังตฤณที่เขียนบทความนี้ขึ้นมากระตุกต่อมสติได้ดี
ขอบคุณนะคร้าาา....
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)