วันพุธที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2553

อึ้งค่ะ....

จาก FW:

วันที่ในหลวงเสด็จกลับวังสวนจิตรลดา เรากะพ่อนั่งดูทีวีกัน
ภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราทอดพระเนตรสายน้ำเจ้าพระยาเบื้องหน้า ข้างพระองค์...มีคุณทองแดงสุนัขทรงเลี้ยงที่แสนซื่อสัตย์ ...
...................................................................................
พลันก็มีเสียงพ่อพูดเบาๆ เล่าเรื่องบางเรื่องที่ทำให้เราอยากส่งต่อ......
พ่อเล่าถึงเรื่องของเพื่อนรักคนหนึ่งที่นั่งคุยกันระหว่างจิบเบียร์ในคืนที่ฝนตก พรำๆ เพื่อนรักของพ่อคนนั้นเล่าว่า...

วันหนึ่งนั่งรถแท็กซี่ แท็กซี่ก็พูดเรื่องราวต่างๆ มากมายอย่างที่แท็กซี่สมัยนี้ชอบพูดกัน เพื่อนพ่อนั่งฟังอยู่สักพักก็บอกกับคนขับว่า ขอพูดอะไรสักอย่างได้ไหม
ผมไม่ใช่สีอะไร หรือเสื้อสีอะไรทั้งนั้น แต่แค่สงสัยว่าคนไทยเป็นอะไรกัน..

ครั้งหนึ่งมีคนกลุ่มหนึ่งไปแย่งอำนาจการปกครองมา
มีครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวหนึ่งที่แสนจะธรรมดาหลบหลีกความวุ่นวายขณะนั้น
ไปใช้ชีวิตเรียบง่ายสมถะ ณ แดนไกล อาศัยอยู่ตามอัตภาพในประเทศเล็กๆ ประเทศหนึ่ง
จากนั้นเมื่อคนกลุ่มที่ได้อำนาจตกลงกันไม่ได้ ก็ตามให้ครอบครัวนั้นกลับมา
แล้วคนในครอบครัวเล็กๆ ธรรมดานั้นก็ทำงานให้คนไทยมาตลอดทั้งชีวิต อย่างทุ่มเท แล้วพอวันเวลาผ่านไป...จู่ๆ ก็มีคนมาไล่คนๆ นั้นที่ทำงานอย่างไม่เคยอยากได้อะไรตอบแทน...
คุณจะให้เขาไปอยู่ที่ไหน เมื่อเขามีอายุมากขนาดนี้
ถ้าเป็นผมครบ 60 ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องมาตรากตรำทำงานอีก
ผมเองนี่ก็ใกล้แล้ว นอนอยู่บ้านเฉยๆ ไม่ดีกว่าหรือ
คุณจะให้เขาไปอยู่ไหน...
คนไทยเป็นอะไรกันไปแล้ว...

ความคิดที่ไม่ซับซ้อนของเพื่อนพ่อ และการเล่าเรื่องที่ฟังง่ายๆ
แต่เราว่ามันลึกซึ้งเหลือเกินในความรู้สึก

เราคิดว่าคงไม่ใช่แค่คนขับแท็กซี่หรอกที่นิ่งอึ้งไป
เราก็รู้สึกเหมือนมีก้อนสะอื้นอะไรสักอย่างอยู่ในลำคอ
คุณก็คงเหมือนกัน... ถ้าคุณยังพอมีความทรงจำเกี่ยวกับท่านอยู่บ้าง
ท่านที่ทรงงานหนักเพื่อคนไทย
ท่านที่ใครมาบอกว่าร่ำรวยที่สุดในเอเชียอะไรนั่น (คุณคิดเช่นนั้นหรือ)
ท่านผู้ทรงไม่เคยใช้ชีวิตอย่างเศรษฐีเหมือนที่หลายคนทำ
ท่านที่ทรงเป็นพระ ผู้ให้คนไทยมากว่า 60 ปี
ท่านผู้ทรงมีพระชนมายุกว่า 80 พรรษา
คุณอยากได้อะไรจากท่านอีกหรือ
คุณเคยทำอะไรให้ใครเท่าท่านผู้นี้หรือไม่...

.....................................................................................

ใครที่คิดจะเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองที่มีประธานาธิบดีแทนที่
อ่านเรื่องนี้แล้ว....ถ้ายังมีสมองอยู่ภายในกระโหลก
สำนึกสำเหนียกกันบ้างหรือเปล่า
ยังจะทำให้พระองค์หมดความเชื่อมั่นในพสกนิกรของพระองค์ได้อยู่หรือ
ในเมื่อ...ที่ที่พระองค์จะมีความสุขได้ก็คือ
"อยู่ท่ามกลางประชาชนของพระองค์"

ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

วันศุกร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2553

ขำๆ

16 เมษา. 2553 11:39 น.

เมื่อเวลา 07.00 น.วันที่ 16 เมษายน 53 กำลังเจ้าหน้าที่จากกองปราบปราม สนธิกำลังรวมกับตำรวจนครบาล4 หน่วยอริทราช เข้าปิดล้อมตรวจค้น ภายในบริเวณเอสซีปาร์ค ถนนประชาอุทิศ-ประดิษฐ์มนูธรรม ภายหลังทราบว่าแกนนำเสื้อแดงใช้โรงแรมดังกล่าวเป็นที่พัก ซึ่งระหว่างที่เข้าทำการปิดล้อม แกนนำเสื้อแดงได้ไหวตัวทัน จึงแจ้งให้มวนชนม็อบเสื้อแดง ให้มาปิดล้อมเจ้าหน้าที่
หลังจากที่มาปิดล้อมเสื้อแดงบางส่วนได้บุกเข้าไปในโรงแรมเอสซี ปาร์ค เพื่อหาตัวแกนนำที่ถูกเจ้าหน้าที่ปิดล้อมไว้ ระหว่างนั้น นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง หนึ่งในแกนนำ ได้วิ่งออกมาที่ระเบียงบริเวณชั้น 3 ของโรงแรม พร้อมกับโบกมือให้เสื้อแดงที่อยู่ข้างล่างด้านหน้าโรงแรม จากนั้นนายอริสมันต์ได้นำสายไฟผูกโรยตัวลงมา โดยมีกลุ่มเสื้อแดงจำนวนมากรอรับอยู่ข้างล่าง หลังจากนั้นการ์ดเสื้อแดงก็รีบพาตัวนายอริสมันต์ขึ้นรถตู้สีขาว ทะเบียน ฮจ 4470 กรุงเทพมหานคร จากนั้นกลุ่มเสื้อแดงก็เข้าบุกเข้าไปเพื่อช่วยแกนนำที่เหลือ โดยสามารถฝ่าวงล้อมของเจ้าหน้าที่ที่มีน้อยกว่าเข้าไปซิงตัวแกนนำที่เหลืออีก 3 คนออกมาได้ คือนายเจ๋ง ดอกจิก นายสุพร อัตถาวงศ์ และนายพายับ ปั้นเกตุ พร้อมกันนี้กลุ่มเสื้อแดงบางส่วนยังได้ล็อคตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่เข้าไปปิดล้อมจับกุมแกนนำ พร้อมกับยึดอาวุธปืนและควบคุมตัวลงมา โดยพยายามกันไม่ให้กลุ่มเสื้อแดงที่เหลือเข้ามารุมทำร้าย ก่อนช่วยเหลือออกมาจากโรงแรม และหนึ่งในเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกควบคุมตัวคือพล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รองผบช.น. ซึ่งเป็นผู้ควบคุมกำลังเข้าปิดล้อมในครั้งนี้ โดยเจ้าหน้าที่ได้นำตัวออกมาอย่างทุลักทุเล แต่ก็ปลอดภัย ก่อนที่พล.ต.ต.สุเมธ จะขึ้นรถออกจากโรงแรมโดยด่วน
ผู้สื่อข่าวรายงานวาา ระหว่างที่เกิดเหตุ มีเสียงปืนดังขึ้น 3 นัด และพบว่ามีตำรวจถูกยิงเข้าที่เท้าด้าน ซ้าย 1นัด แต่อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าถูกยิงจากสาเหตุใด และบริเวณด้วนหน้าโรงแรม ยังมีกลุ่มคนเสื้อแดงบางส่วนยังปักหลักอยู่หน้าโรงแรม แต่ก็ไม่มีเหตุรุนแรง
ภายหลังจากที่แกนนำคนเสื้อแดงทั้ง 4 คนไหวตัวหนีออกมาได้ เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบภายในบริเวณห้อง 337 พบลูกระเบิดที่ข้างเตียง 1 ลูก หน้าห้องน้ำ 2 ลูก ที่ตู้เย็นมีรอยกระสุน1 นัด ซึ่งห้องดังกล่าวเป็นห้องที่นายอริสมันต์พัก จากนั้นได้ไปตรวจสอบที่ภายในห้อง 377 ยังพบระเบิดอีก 4 ลูกซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นระเบิดชนิดใด

ท่าจะบ้า....
จะจับโจรดันประกาศก่อนจับ
มันจะอยู่ให้จับไหมเนี่ย...
แถมยังป่าวประกาศให้คนมาช่วย
จับตำรวจเป็นตัวประกัน
ตกลงตำรวจเป็นผู้ร้าย...ใช่ไหม เมืองไทย

โอย...ไม่มีอะไรจะทำให้ต้องหัวเราะทั้งน้ำตาแบบนี้

ข้าพเจ้ามีสิทธิขออนุญาตลาออกจากประชาชนคนไทยขณะนี้มั้ย

แล้วจะกลับมา (ลาชั่วคราว...เซ็งจิต)

โว้ย!!!!


วันเสาร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2553

เศร้า.....


เห็นคนไทยฆ่าคนไทย แลัว สะเทือนใจ
อำนาจอะไร เป็นที่ต้องการขนาดนั้น
ใครที่ทำงานมาตลอดหกสิบกว่าปี
เป็นตัวอย่างที่เราต้องทำบ้าง
เพื่อดำเนินตามรอยเบื้องพระยุคลบาท
ที่เราภูมิใจอย่างยิ่งที่เป็น "ข้าราชการ"
และก็พูดได้เต็มปากว่า เราทำงานเพื่อแผ่นดิน
แม้ไม่เทียบเท่าเสี้้ยวหนึ่งของพระองค์ท่าน

มาบัดนี้...คนไทยเข่นฆ่ากันเอง
สนองตัณหาของใคร
เอน็จอนาถใจยิ่งนัก

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
ฤา เป็นกรรมของบ้านเมือง

ขอผู้คิดร้ายต่อแผ่นดิน
ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ได้รับผลกรรมในเร็ววันนี้เถิด
สาธุ!!!


วันพฤหัสบดีที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2553

เรื่องเล่าวันนี้

เช้านี้ตรวจคนไข้คนนึงมาส่งภรรยาที่ปวดท้องแล้วตัวเองก็เลยตรวจด้วย
บอกปวดต้นคอ...ความดันก็ดี ถามนอนหลับดีมั้ย..แกบอกว่า "นอนไม่ค่อยหลับ"
"มีเรื่องอะไรให้คิดหรือเปล่า" แกทำหน้าเศร้า "ผมกลุ้มใจ ที่ดินก็ถูกยึด น้องเมียผมยืมโฉนดไปกู้เงิน ไม่ส่งเงินเลยถูกยึด" แกเล่าน้ำตาคลอ เลยแตะมือแกให้กำลังใจ สักครู่แกก็หยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดหัวตา "วันนี้ผมมาส่งเมียก็ขาดรายได้ เขาหักรายวัน" ถามว่าได้วันละเท่าไร แกบอก ร้อยห้าสิบ บ้านต้องเช่า ข้าวต้องซื้อ มีลูกติดเมียอีก 2 ลูกแกเองอีกหนึ่ง แอบสังเกตเห็นกางเกงที่แกใส่มีรอยปะ ร่างผอมเกร็งไม่มีสง่า ท่าทางไม่น่าพูดไม่จริง สงสารเลยเอาตังค์ให้แกร้อยนึง บอกว่าแล้วจะลองปรึกษาคนอื่นหาทางช่วยนะ ทั้งๆที่เราเองก็ไม่รู้จะหาใครช่วยแกเหมือนกัน เดี๋ยวค่อยถามพ่อหลวงถึงครอบครัวแก

เย็นอยู่เวรนอกเวลา ป้าเพ็ญกับป้าน้อย หมู่ 3 มาอยู่ด้วย เอาแกงใส่ปิ่นโตมาให้ด้วย บอกอาหารโปรดหมอติ๊ก เปิดดูเป็นแกงผักปั๋ง ว้าว!!ของโปรดจริงด้วย มีน้ำพริกตาแดงแสนอร่อย กับผัดถั่วหวานโครงการหลวงอีก แถมข้าวเหนียว อสม.เราน่ารักจัง สงกรานต์นี้ต้องหาของดำหัวหลายคนล่ะ

ทุกวันนี้ทำงานก็มีเรื่องที่ช่วยให้ชีวิตเรามีคุณค่า ได้ช่วยคนแม้เรื่องเล็กน้อย ได้รับน้ำใจที่ยิ่งใหญ่จากคนรอบข้าง ก็สามารถทำให้เรามีความสุขจากการให้และสุขจากการรับ จะมีอาชีพไหนที่จะมีโอกาสอย่างนี้นะ ขอบคุณวิชาชีพพยาบาล อืมม วันนี้ครบรอบทำงาน 25 ปีแล้วซีนะ ขอบคุณอาจารย์ทุกท่านที่กรุณาสอนสั่งจนยึดอาชีพนี้เลี้ยงตัวเองและครอบครัว ขอบคุณคนไข้ที่ช่วยให้เราทำมาหากินได้อีก ขอบคุณผอก.ที่ให้โอกาสย้ายมาอยู่ ณ จุดนี้ ขอบคุณเพื่อนร่วมงานที่แสนดี ขอบคุณ ๆๆๆๆๆๆๆๆ มากๆค่าาา